วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
1.1 สารคดีวิชาการ เป็นข้อเขียนที่ให้ความรู้สำหรับคนทั่วไปไม่ลึกซึ้งเหมือนตำวิชาการ
1.2 สารคดีการท่องเที่ยว เป็นข้อเขียนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ
1.3 สารคดีแนวประวัติ สารคดีแนวประวัติเป็นคำเรียกชื่อรวม ๆ ของสารคดีที่เสนอเรื่องเกี่ยวกับความเป็นไปของคน สถานที่ หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด สารคดีแนวประวัติที่เขียนเรื่องโดยเจ้าของเรื่องเองอาจเรียกเป็นคำศัพท์เฉพาะว่า อัตชีวประวัติ แต่ถ้าคนอื่นเป็นผู้เขียนเรียก ชีวประวัติ
วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
คุณค่าของวรรณกรรม
วรรณกรรม มีคุณค่าต่อการดำรงชีวิตของคนไทย ดังนี้
1. คุณค่าด้านความบันเทิง เพลงพื้นบ้านไทยแสดงความสามารถปฏิถาณไหวพริบ ของบุคคลในท้องถิ่น นิทานพื้นบ้านไทยสมัยก่อนให้ความสำเริงอารมณ์ ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดจากการทำงาน
2. คุณค่าด้านคุณธรรม จริยธรรม วรรณกรรมไทย เป็นเครื่องมือสอนจริยธรรมทั้งทางตรงและทางอ้อม สอนให้คนทำความดีเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนามีความเมตตา
3. คุณค่าในด้านการประพันธ์ เพลงพื้นบ้านไทยปลูกฝังให้เป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนใช้ไหวพริบในการโต้ตอบกันระหว่างชาย-หญิงโลกภาษิตไทย มีคำอุปมาอุปมัยเปรียบเทียบให้เข้าใจชัดเจน ใช้ภาษาสละสลวยแสดงโลกทัศน์ของผู้เขียนนิทานคติธรรมปมาสี่-สี่ เป็นนิทานสอนใจให้ข้อคิดที่มาจากปัญญาสชาดก เป็นเรื่องไม่สมจริงแต่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับความประพฤติของตัวละคร 4 คน มีความแตกต่างกัน มีความสลับซับซ้อนแต่ผลของการกระทำคือ ทำความดีได้ผลดีตอบแทน
4. คุณค่าด้านมรดกวัฒนธรรม ตำนานไทยช่วยสะท้อนความเป็นอยู่ของท้องถิ่นศาสนาประเพณี อาหารการกิน ตลอดจนการละเล่น
ประโยชน์ของวรรณกรรมไทย
วรรณกรรมให้ประโยชน์แก่กลุ่มชน ดังนี้คือ
1. ให้ความรู้เรื่องสังคม ภาษา ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ที่สั่งสมและสืบทอดมาทำให้เกิดผลดีแก้ชาวไทย เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมพัฒนาทำประโยชน์จากวรรณกรรมท้องถิ่นมาสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวและสังคม ซึ่งปัจจุบันอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางภูมิปัญญา มีศิลปวัฒนธรรมและการนำเสนอข้อมูลทางวรรณกรรมท้องถิ่น มีคุณค่าควรศึกษาอย่างยิ่ง
2. ให้คติธรรม ความมีเมตตากรุณา คุณธรรมและจริยธรรมเป็นการชี้แนวทางชีวิตมีบทเรียนสั่ง สอน ดังในนิทาน นินาย และสุภาษิต โลกภาษิตไทยทำให้คนไทยเป็นผู้มีจิตใจงดงาม มีความประพฤติดีอยู่ในกรอบของศีลธรรม
3. เชื่อมโยงความสามัคคีให้หมู่คณะมีการพึ่งพาอาศัยกัน ทำให้ขจัดความเห็นแก่ตัว รู้จักเสียสละ ซึ่งสภาพสังคมยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไป
4. แสดงภูมิปัญญาท้องถิ่น เพราะวรรณกรรมท้องถิ่นไทยได้แสดงความคิด ค่านิยมในทางศิลปะการแสดง ศิลปหัตถกรรม
1. คุณค่าด้านความบันเทิง เพลงพื้นบ้านไทยแสดงความสามารถปฏิถาณไหวพริบ ของบุคคลในท้องถิ่น นิทานพื้นบ้านไทยสมัยก่อนให้ความสำเริงอารมณ์ ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดจากการทำงาน
2. คุณค่าด้านคุณธรรม จริยธรรม วรรณกรรมไทย เป็นเครื่องมือสอนจริยธรรมทั้งทางตรงและทางอ้อม สอนให้คนทำความดีเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนามีความเมตตา
3. คุณค่าในด้านการประพันธ์ เพลงพื้นบ้านไทยปลูกฝังให้เป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนใช้ไหวพริบในการโต้ตอบกันระหว่างชาย-หญิงโลกภาษิตไทย มีคำอุปมาอุปมัยเปรียบเทียบให้เข้าใจชัดเจน ใช้ภาษาสละสลวยแสดงโลกทัศน์ของผู้เขียนนิทานคติธรรมปมาสี่-สี่ เป็นนิทานสอนใจให้ข้อคิดที่มาจากปัญญาสชาดก เป็นเรื่องไม่สมจริงแต่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับความประพฤติของตัวละคร 4 คน มีความแตกต่างกัน มีความสลับซับซ้อนแต่ผลของการกระทำคือ ทำความดีได้ผลดีตอบแทน
4. คุณค่าด้านมรดกวัฒนธรรม ตำนานไทยช่วยสะท้อนความเป็นอยู่ของท้องถิ่นศาสนาประเพณี อาหารการกิน ตลอดจนการละเล่น
ประโยชน์ของวรรณกรรมไทย
วรรณกรรมให้ประโยชน์แก่กลุ่มชน ดังนี้คือ
1. ให้ความรู้เรื่องสังคม ภาษา ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ที่สั่งสมและสืบทอดมาทำให้เกิดผลดีแก้ชาวไทย เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมพัฒนาทำประโยชน์จากวรรณกรรมท้องถิ่นมาสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวและสังคม ซึ่งปัจจุบันอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางภูมิปัญญา มีศิลปวัฒนธรรมและการนำเสนอข้อมูลทางวรรณกรรมท้องถิ่น มีคุณค่าควรศึกษาอย่างยิ่ง
2. ให้คติธรรม ความมีเมตตากรุณา คุณธรรมและจริยธรรมเป็นการชี้แนวทางชีวิตมีบทเรียนสั่ง สอน ดังในนิทาน นินาย และสุภาษิต โลกภาษิตไทยทำให้คนไทยเป็นผู้มีจิตใจงดงาม มีความประพฤติดีอยู่ในกรอบของศีลธรรม
3. เชื่อมโยงความสามัคคีให้หมู่คณะมีการพึ่งพาอาศัยกัน ทำให้ขจัดความเห็นแก่ตัว รู้จักเสียสละ ซึ่งสภาพสังคมยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไป
4. แสดงภูมิปัญญาท้องถิ่น เพราะวรรณกรรมท้องถิ่นไทยได้แสดงความคิด ค่านิยมในทางศิลปะการแสดง ศิลปหัตถกรรม
ประเภทของวรรณกรรม
วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2550
วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2550
วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2550
วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2550
ความหมายของวรรณกรรม
วรรณกรรม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วรรณกรรม หมายถึง วรรณคดีที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 เป็นต้นมา เป็นผลงานอันเกิดจากการคิด และจินตนาการ แล้วเรียบเรียง นำมาบอกเล่า บันทึก ขับร้อง หรือสื่อออกมาด้วยกลวิธีต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว จะแบ่งวรรณกรรมเป็น 2 ประเภท คือ วรรณกรรมที่บันทึกเป็นตัวหนังสือ (วรรณกรรมลายลักษณ์) และวรรณกรรมที่เล่าด้วยปาก ไม่ได้จดบันทึก (วรรณกรรมมุขปาฐะ)
ด้วยเหตุนี้ วรรณกรรมจึงมีความหมายครอบคลุมกว้าง ทั้ง ประวัติ นิทาน ตำนาน เรื่องเล่า ขำขัน เรื่องสั้น นวนิยาย บทเพลง คำคม ฯลฯ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วรรณกรรม หมายถึง วรรณคดีที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 เป็นต้นมา เป็นผลงานอันเกิดจากการคิด และจินตนาการ แล้วเรียบเรียง นำมาบอกเล่า บันทึก ขับร้อง หรือสื่อออกมาด้วยกลวิธีต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว จะแบ่งวรรณกรรมเป็น 2 ประเภท คือ วรรณกรรมที่บันทึกเป็นตัวหนังสือ (วรรณกรรมลายลักษณ์) และวรรณกรรมที่เล่าด้วยปาก ไม่ได้จดบันทึก (วรรณกรรมมุขปาฐะ)
ด้วยเหตุนี้ วรรณกรรมจึงมีความหมายครอบคลุมกว้าง ทั้ง ประวัติ นิทาน ตำนาน เรื่องเล่า ขำขัน เรื่องสั้น นวนิยาย บทเพลง คำคม ฯลฯ
วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2550
วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2550
ตอบคำถาม
สุนทรียศาสตร์คืออะไร ?Aesthetic หรือ วิชา สุนทรียศาสตร์ คือ วิชาที่ว่าด้วยเรื่องความงามจากสิ่งรอบๆตัวไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มีตามธรรมชาติ หรือสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์คิดค้น หรือสร้างทฤษฎีขึ้นมา เพื่อถ่ายทอดความงามให้รับรู้ในรูปแบบต่างๆ เช่น การวาดภาพ ดนตรี ศิลปกรรมต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีความงามหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกนึกคิดของแต่ละบุคคลว่างามหรือไม่ โดยอาศัยประสบการณ์ที่มีมาและการถ่ายทอดปลูกฝังตั้งแต่เด็กเป็นประสบการณ์ สุนทรียศาสตร์มีประโยชน์ต่อมนุษย์อย่างไร ?สุนทรียศาสตร์ ตามความเห็นคิดเห็น คือ สามารถช่วยในเรื่องของกระบวนการคิด การตัดสินใจอย่างมีเหตุมีผล ทำให้ผู้นั้นมีจิตใจอ่อนโยน และมองโลกในแง่ดี ไม่แข็งจนเกินไป นอกจากนั้น การเข้าใจในสุนทรีย์ศาสตร์ยังช่วยส่งเสริมให้มนุษย์ได้มีแนวทางในการแสวงหาความสุขจากความงามต่างๆกันไป และทำให้เห็นความสำคัญของสิ่งต่างๆบนโลกใบนี้ ตลอดจนรู้จักนำสุนทรียศาสตร์ไปใช้ในชีวิตด้วยเหตุผล และความรู้สึกต่างๆได้อย่างเหมาะสมสุนทรียศาสตร์มีประโยชน์ต่อวิชาชีพอย่างไร ? เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ผู้ที่อยู่ในวิชาชีพพยาบาลทุกคนจะได้รับการสอนเสมอว่า วิชาชีพพยาบาลเป็นอาชีพที่ต้องปฏิบัติงานกับบุคคลซึ่งอยู่ในภาวะเจ็บป่วยโดยต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการให้การพยาบาล นั่นหมายถึง ผู้ป่วยเป็นบุคคลซึ่งมีจิตใจ มีความรู้สึก กลัวการเจ็บป่วย กลัวการตาย การให้การพยาบาลจำเป็นต้องมีความรู้สึกที่ดีต่อวิชาชีพก่อน จากนั้นต้องมีความตั้งใจในการให้การพยาบาล เข้าใจความรู้สึก และเห็นใจผู้ป่วย ในการให้การพยาบาลควรปฏิบัติด้วยความนุ่มนวลพร้อมกับให้การพยาบาลอย่างมีคุณภาพ มีเหตุและผล ร่วมกับใช้ความรู้และศาสตร์ ซึ่งหมายถึงวิชาต่างๆที่ได้เรียนมานำมาใช้ให้สอดคล้องกับการพยาบาลต่อผู่ป่วยในแต่ละคน....ซึ่งผู้ป่วยแต่ละคน พยาบาลทุกท่านต้องทำความเข้าใจและให้การพยาบาลแตกต่างกันออกไป การปฏิบัติงาน และการให้การพยาบาลต่อผู้ป่วยเหล่านั้น สุดท้ายจะส่งผลกลับมาด้วยความภาคภูมิใจ และทำให้เกิดความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง และวิชาชีพมากขึ้นทุกวัน ทุกวัน...ฉะนั้นจึงเห็นได้ว่า การให้การพยาบาลและการปฏิบัติงานในวิชาชีพพยาบาลนั้น สอดคล้องกับคำกล่าวของท่านอาจารย์ที่ว่า...การเรียนสุนทรียศาสตร์ ช่วยทำให้มนุษย์เกิดความสมดุลย์ของกาย คือมีเหตุมีผล ของจิตคือ มีความรู้สึก นอกจากนั้น การเรียนสุนทรียศาสตร์ยังช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีจิตใจอ่อนโยน มองโลกในแง่ดีอย่างมีเหตุมีผล และส่งเสริมให้เห็นความสำคัญของสรรพสิ่งต่างๆในโลก จึงสอดคล้องกับงานวิชาชีพพยาบาล ในการดูแลให้การพยาบาลต่อผู้ป่วย และเพื่อนมนุษย์
วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2550
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)